ฤดูกาลนี้เรามีความเจ็บแค้นใจในการเจอกับ ‘ปีศาจแดง’ นัดล่าสุดที่บุกไปเยือนถึงถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยการพ่ายแพ้แบบที่คาใจกันทั้งทีมและแฟนบอลทั่วโลกด้วยลูกตีเสมอที่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า แรชฟอร์ด ไม่ล้ำหน้าได้อย่างไร จนทำให้นักเตะหลายคนเสียสมาธิและต้องกลับบ้านด้วยมือเปล่าแบบไม่มีคะแนน แต่ยังโชคดีที่เกมนั้นไม่ใช่จุดเปลี่ยนในการทำให้ทีมของ เปป เสียโมเมนตัมในการลุ้นแชมป์ แต่ครั้งนี้จะต่างออกไปถ้าเราไม่สามารถชนะได้จะเป็นตราบาปและอาจทำให้เสียขวัญกำลังใจก่อนที่จะถึงนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกอย่างแน่นอน

บอสใหญ่ชาวสเปน ได้พักตัวหลักหลายๆคนหลังจากที่พวกเขาได้รู้ตัวเองว่าเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนทำให้ทีมไม่สามารถเก็บชัยชนะใน 2 นัดสุดท้ายของลีกได้ แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากนัก ถ้าจะมีที่หลายคนเป็นห่วงคือกลัวเครื่องเย็นเพราะพวกเขาอยู่ในช่วงทำเบรกไม่แพ้ใครมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ที่แพ้ให้กับ สเปอร์ส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มาจบลงที่ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่ง กวาร์ดิโอล่า ก็คงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนักถึงกล้าพักตัวผู้เล่นหลักอทิเช่น ฮาลันด์, เดอ บรอยน์, รูเบน ดิอาส, กรีลิซ, โรดรี้, แบร์นาโด้ หรือแม้แต่ กุนโดกัน เพื่อที่จะให้นักเตะทุกคนมีความกระหายและร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุด ก็ขอเพียงว่า เปป จะคิดถูกในเรื่องนี้

ถามว่าทำไมนัดชิง เอฟเอคัพ ถึงสำคัญมากๆกับเรา เหตุผลหลักๆคงเป็นเพราะคู่แข่งคือ อริร่วมเมืองและเป็นเจ้าของสถิติทีมเดียวบนเกาะอังกฤษที่ได้ 3 แชมป์ใหญ่ในยุคพรีเมียร์ลีก ซึ่งการันตีได้เลยว่าพวกเขาจะสู้สุดตัวและหัวใจเพื่อขวางเราไว้ไม่ให้ไปยืนจุดเดียวกับ แมนฯยูไนเต็ด ในปี 1999 เพราะเป็นสถิติเดียวที่ ‘ปีศาจแดง’ หลงเหลืออยู่และภูมิใจที่สุด เนื่องจากทีมของ เปป เพิ่งทำสถิติในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลติดต่อกันได้สำเร็จ และลองคิดดูว่าถ้าเรายังสามารถคว้า ทริปเบิ้ลแชมป์ ได้อีกพวกเขาจะทำหน้ากันยังไง ในเมื่อรอบชิงเอฟเอคัพ คือนัดเดียวที่สามารถหยุด แมนฯซิตี้ ได้ด้วยมือของตัวเอง จะไปหวังพึ่งพา อินเตอร์ มิลาน ก็ดูจะยากเกินไป

ในฐานะแฟนบอล แมนฯซิตี้ ต้องบอกว่าการได้เห็น อริร่วมเมืองมาแพ้ให้กับทีมของเรานั้นมีความสุขอยู่แล้ว แต่การได้เห็น แมนฯยูไนเต็ด มาพ่ายแพ้ในรอบชิงเอฟเอคัพ ยิ่งมีความสุขขึ้นเป็นร้อยเท่า ก็ได้แต่ส่งแรงเชียร์ให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ ยัดเยียดความปราชัยให้กับ ‘ปีศาจแดง’ สำเร็จและคว้าถ้วยมาครอง…

เขียนโดย The Lite Team.